ปลดปล่อยศักยภาพเต็มรูปแบบ AI บนอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน
อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลนมักใช้ในระบบควบคุมการเข้าออก เนื่องจากติดตั้งง่าย ปรับขยายระบบได้ และคุ้มค่าต้นทุน
ในบริบทของการควบคุมการเข้าถึง อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน จะตั้งอยู่ใกล้กับจุดเข้าออกที่ใช้งาน เช่น ประตู หรือทางกั้น เพื่อประมวลผลการตรวจสอบสิทธิ์ จัดการสิทธิ์การเข้าถึง และทำการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ณ จุดผ่านเข้าออก อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลนเป็นที่นิยมมากกว่า รูปแบบการควบคุมการเข้าออกแบบดั่งเดิม ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ควบคุมเพื่อให้สิทธิ์ในการเข้าออก อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน มีต้นทุนที่คุ้มค่า ติดตั้งง่ายในทุกที่ และสามารถขยายจำนวนได้ตามความต้องการขององค์กร อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในไซต์ต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางไปจนถึงองค์กรที่จำเป็นต้องมีบริการระบบควบคุมการเข้าออกแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกๆวัน
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลนนั้นมีขนาดเล็ก ใช้พลังงานต่ำ และต้นทุนต่ำ และเนื่องจากการนำ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้กันเพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมความปลอดภัย อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน จึงต้องการเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่มากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานอัลกอริธึม AI ความหมายของ Edge AI นั้นหมายถึงการปรับใช้อัลกอริธึม AI และการรันโมเดล AI โดยตรงบนอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน ภายในเครื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับปรับปรุงอัลกอริทึม AI ให้เหมาะสม สำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน เนื่องจากมีทรัพยากรที่จำกัด เช่น หน่วยความจำ พื้นที่เก็บข้อมูล และพลังการประมวลผล การรันและการฝึกอบรมอัลกอริธึม AI ต้องใช้ชุดข้อมูลจำนวนมหาศาลและข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์ที่สูง เนื่องจากอัลกอริธึม AI จำเป็นต้องเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากและดำเนินการคำนวณที่ซับซ้อน
สัมผัสพลังของ Edge AI ของ Suprema ซึ่งรันอัลกอริธึม AI ที่ใช้ NPU (Neural Processing Unit) บนอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน ภายในเครื่อง
ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ของ AI และการประมวลผลแบบ Edge ทำให้ Suprema ได้พัฒนาอุปกรณ์ Edge AI ที่มีประสิทธิภาพสูง Suprema ได้นำโปรเซสเซอร์ AI ขั้นสูงมาใช้ นั่นคือ NPU หรือหน่วยประมวลผลแบบเส้นประสาท ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อดำเนินการอัลกอริธึม AI ที่มีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ GPU แบบดั้งเดิม (หน่วยประมวลผลกราฟิก) NPU สามารถประมวลผลปริมาณงาน AI ได้เร็วขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง ทำให้เหมาะสำหรับแอปพลิเคชั่นในอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน และอุตสาหกรรมความปลอดภัยที่การประมวลผลแบบเรียลไทม์เป็นสิ่งสำคัญ คุณสมบัติที่โดดเด่นของเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยของ Suprema คือความสามารถในการสร้างกลไก AI น้ำหนักเบาที่สามารถจัดการชุดข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันกับการป้องกันความร้อนที่สูงเกินไป และการชะลอตัวของการทำงานของฮาร์ดแวร์ โมเดลการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของ Suprema หรือที่เรียกว่าสูตรเชิงปริมาณ มีบทบาทสำคัญในการลดทั้งขนาดโมเดลและปริมาณการปฏิบัติงาน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพของรูปแบบการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์อีกด้วย โซลูชันการจดจำลายนิ้วมือ, BioStation 2a และโซลูชันการตรวจสอบใบหน้า BioStation 3 สามารถเรียกใช้อัลกอริทึม AI และประมวลผลการตรวจสอบสิทธิ์ในตัวเครื่องได้
สิ่งที่ทำให้ Suprema แตกต่างคือความสามารถในการพัฒนาอัลกอริธึม AI ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกเพื่อการจดจำไบโอเมตริกซ์
การทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์กับเทคโนโลยี AI พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบอย่างยิ่งในระบบควบคุมการเข้าออกโดยใช้ไบโอเมตริกซ์ ซึ่งจะวิเคราะห์ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ด้วยความแม่นยำที่สูงกว่า และ AI ยังสามารถระบุรูปแบบและคุณสมบัติที่โดดเด่นซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับอัลกอริธึมแบบเดิมที่จะแยกแยะ ซึ่งนำไปสู่ความแม่นยำในการจดจำที่ดีขึ้น นอกจากนี้ AI ยังสามารถรวมข้อมูลจากข้อผิดพลาดในอดีตเพื่อปรับปรุงอัลกอริธึม นำไปสู่ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ด้วยประสบการณ์กว่าสองทศวรรษในอุตสาหกรรมไบโอเมตริกและระบบควบคุมการเข้าออก Suprema มีจึงความสามารถในการนำเข้าชุดข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับการเรียนรู้เชิงลึก Suprema โดดเด่นด้วยความเหนือชั้นทางเทคนิคในการนำเสนอประสิทธิภาพการจดจำไบโอเมตริกซ์ที่แม่นยำและรวดเร็วที่สุดผ่านอัลกอริธึม AI ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการเรียนรู้เชิงลึก